Logo
 
Quitline
  • เลิกบุหรี่เชิญทางนี้
  • เกี่ยวกับเรา
    ความเป็นมา หลักการ วิสัยทัศน์ บริการ ติดต่อเรา งานวิจัย บทความ รายงานประจำปี กิจกรรมของเรา
  • บริการ
    U QUIT U REFER U CAN คู่มือเลิกบุหรี่
  • ข้อมูลข่าวสาร
    ข่าวจากผู้บริหาร รายงานประจำปี คู่มือเลิกบุหรี่ งานวิจัย บทความ การรณรงค์เลิกบุหรี่ จากใจให้คุณ ประกาศ

เปลี่ยนวิธีคิดให้สมอง วิธีที่ได้ผลกว่าในการเลิกสูบบุหรี่

2015-04-10 00:00:00
Tweet

1429348469179.jpgชาวอเมริกันที่ซื้อบุหรี่ในช่วงกลางทศวรรษที่ 60 จะได้เห็นคำเตือนเกี่ยวกับสุขภาพ ที่อาจจะฟังดูล้าสมัย อาทิ “การสูบบุหรี่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ” เมื่อเปรียบเทียบกับซองบุหรี่ในปัจจุบันที่ออกจะดูน่ากลัวด้วยคำเตือนที่ชัดเจนเด็ดขาด อาทิ “คำเตือนจากศัลยแพทย์: การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง และอาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์”

     ทว่าคำเตือนเหล่านี้ได้ผลดี การวิจัยแสดงให้เห็นว่าในประเทศที่มีการระบุคำเตือนข้างซองบุหรี่อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ผู้สูบบุหรี่จะมีความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของการสูบบุหรี่มากกว่าในประเทศที่ไม่ได้ดำเนินการอย่างเดียวกัน แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้สูบบุหรี่ที่เห็นคำเตือนดังกล่าวได้สูบบุหรี่น้อยลงหรือไม่ นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีในผู้ที่ทำงานด้านสาธารณสุขว่า การส่งข้อความเรื่องการเลิกสูบบุหรี่ให้แต่ละบุคคลเป็นการเฉพาะเจาะจงในลักษณะส่วนตัวจะได้ผลมากกว่า ตัวอย่างเช่น คนไข้ที่ได้รับการแจ้งจากแพทย์ว่าพี่สาวของเธอตกลงที่จะช่วยเหลือเธอในการเลิกสูบบุหรี่ มีแนวโน้มจะเลิกสูบบุหรี่ได้มากกว่าคนไข้ที่เพียงแต่เห็นคำเตือนบนซองบุหรี่ นั่นเป็นเพราะการส่งสารถึงแต่ละบุคคลเป็นการส่วนตัวได้ผลในทางจิตวิทยามากกว่า
 

 

1429348561024.jpg     งานวิจัยชิ้นหนึ่งเปิดเผยว่าข้อความต่อต้านการสูบบุหรี่ที่เขียนขึ้นเป็นการเฉพาะเจาะจงจะส่งผลต่อสมองส่วนที่เกี่ยวกับการรับรู้ตัวตนของแต่ละบุคคล ซึ่งเชื่อมโยงกับการควบคุมอารมณ์ รวมทั้งส่งผลต่อสมองส่วนที่เชื่อมโยงกับการรับรู้ทางพื้นฐานและการประเมินการรับรู้ของผู้อื่นต่อตนเอง ทีมงานวิจัยนำโดยนักจิตวิทยาได้รับสมัครผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการเลิกสูบจำนวน 91 คน คนเหล่านี้สูบบุหรี่จำนวน 17 ตัวต่อวัน ในระหว่างการวิจัยพวกเขาได้รับการทำ fMRI Scanning เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยอ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นบนจอภาพไปด้วย ข้อความบางข้อความเขียนขึ้นเป็นการเฉพาะเจาะจงโดยดูจากประวัติส่วนตัวของผู้เข้าร่วมในการวิจัย บางข้อความเป็นการต่อต้านการสูบบุหรี่ทั่วๆ ไป และ ข้อความของกลุ่มควบคุมซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการสูบบุหรี่เลย อาทิ “ลมคืออากาศที่เคลื่อนไหว”

     นักวิจัยพบว่าข้อความที่ได้ถูกทำขึ้นเป็นการเฉพาะเจาะจงสามารถกระตุ้นสมองส่วนที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าข้อความอีกสองประเภท อีกนัยหนึ่ง การอ่านประโยคสั้นๆ สามารถเปลี่ยนการทำงานของสมองของผู้อ่านได้ และผู้ที่สมองได้รับการกระตุ้นอย่างชัดเจนมีโอกาสที่จะเลิกสูบบุหรี่ได้ในอีกสี่เดือนถัดมา
 

 

1429348596970.jpg     งานวิจัยชิ้นนี้นับว่ามีความสำคัญและสนับสนุนแนวคิดเรื่องการบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy: CBT) ว่าสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของสมองได้ แม้ว่าการรักษาโดยการใช้ยาทางจิตเวชสามารถเปลี่ยนการทำงานของสมองได้เช่นกัน แต่ยาเหล่านี้ไม่ได้ผลมากไปกว่าการบำบัดทางจิตใจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเลิกสูบบุหรี่อย่างจริงจังโดยใช้แนวทางของการปรับพฤติกรรมจะได้ผลดีกว่าการใช้ยา เป็นการช่วยให้เลิกบุหรี่ได้โดยปรับวิธีคิดของสมองซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่ในท้ายที่สุด
 

 

ที่มา: Taming the Smoker's Brain: A Better Way to Quit?
โดย John Cloud, Thursday, April 14, 2011

 

หมวดหมู่บทความ
เรื่องล่าสุด
หักดิบ.มั่นใจ.เลิกได้ไว
 
เรื่องน่าสนใจ
สธ. จัดรณรงค์ “วันงดสูบบุหรี่โลก” ปี 2560 ห่วงปัญหาเด็กและเยาวชนสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น หลังพบแต่ละปีกลุ่มนี้เริ่มสูบบุหรี่มากถึง 2.5 แสนคน
ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ ได้รับเกียรติจาก บริษัท นารายณ์แพค จำกัด ให้บรรยายเรื่อง “พิษภัยบุหรี่และสุขภาพดีอย่างไรภายหลังการเลิกบุหรี่”
สมองมนุษย์สามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมอาการอยากสูบบุหรี่ได้
ยื่นหนังสือคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องการยกเลิกการเก็บภาษีเฉพาะ (Earmarked tax หรือ Sin tax)
 
ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ
อาคารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ชั้น 6-7 เลขที่ 21/12 ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ : 02-298-0144 โทรสาร : 02-298-0143
อีเมล : quitline1600@thailandquitline.or.th, quitline1600@hotmail.com web site: www.thailandquitline.or.th